การทำงานนั้นต้องมีความเคร่งเครียด  จึงนำมาสู่การมีทัศนคติในแง่ลบ กับงานที่คุณทำไม่ว่าคุณเจออุปสรรคเล็กหรือใหญ่ คุณก็จะมองว่าปัญหาที่เกิดมันใหญ่เกินกว่าที่คุณจะรับมือได้ สุดท้ายจึงทำให้เกิดความเครียดขึ้นได้ 

 

หากเรามองให้ดี ๆ จะพบว่า อะไรกันแน่ที่เป็นสาเหตุที่ทำให้เราเกิดความเคร่งเครียดและการล้มเหลวนั้นที่เกิดจากทั้งตัวเราเองหรือเกิดจากผู้อื่น หรืออาจจะเป็นสภาพแวดล้อมอื่นที่ทำให้เกิดความเครียดได้   

 

 

ในวันนี้อยากบอกกับคุณผู้อ่านทุกท่านว่า "ไม่มีอะไรที่จะมาทำร้ายเราได้นอกจากเราจะทำร้ายตัวเราเอง"
ดังนั้น ก่อนที่คุณผู้อ่านทุกท่านจะเกิดปัญหา เรามีวิธีการแก้ไขปัญหาความเคร่งเครียดด้วยหลากหลายสาเหตุนั้นหรือไม่ ให้เราหันมาปรับทัศนคติให้ดีขึ้นกันก่อนดีกว่า เรามาดูกันว่ามีวิธีไหนบ้าง

 

 

1. ไม่เป็นไร การทำงานเกิดข้อผิดพลาดกันได้ ไม่ใช่เรื่องใหญ่
    คุณทำงานผิดพลาดแล้วยังจะมานั่งโทษตัวเองอีกอาจจะทำให้เหนื่อย เราควรให้กำลังใจตัวเองว่าในการทำงานในอนาคตจะต้องทำได้ดีกว่านี้ ยิ่งมัวจมกับความผิดพลาดเดิม ๆ เราก็จะทำงานอื่นต่อไม่ได้ สู้เอาความผิดพลาดมาทำให้ถูกต้องในงานชิ้นต่อไปจะดีกว่า
สัจธรรมของชีวิต ที่ต้องจำไว้อย่างหนึ่งคือ ไม่มีใครทำผิดในเรื่องซ้ำๆตลอดไปหรอก ถึงใครจะว่าเราผิดพลาดมากมายแค่ไหน แต่พอเดินพ้นหน้าเราไปเขาก็ต้องคิดเรื่องอื่นแทน แล้วเราจะมาลงโทษตัวเองอยู่ทำไม

 

 

2  งานไม่ได้ทำตลอดทั้งวันสักหน่อย เดี๋ยวก็ใกล้ถึงเวลาเลิกงานแล้ว 
    เวลามีงานเข้ามาจนล้นมืออาจจะทำให้เราท้อก็ได้ แต่ท้อไปงานก็ไม่เสร็จ ลองลุกมาทุ่มเททำงานนั้นให้เสร็จ ๆ ไปดีกว่า เหนื่อยแค่แป๊บเดียวเดี๋ยวก็ได้พักแล้ว และสิ่งที่ต้องทำเมื่องานเยอะคือ การวางแผนจัดระเบียบของงานแต่ละชิ้นให้เสร็จตามที่วางแผนไว้  หากทำงานไม่ทันตามแผนจริงๆ การเจรจาต่อรองขอเพิ่มระยะเวลาการทำงานก็เป็นอีกความคิดที่ดีเหมือนกัน แล้วค่อย ๆ ทำไปทีละงาน เดี๋ยวงานก็จะลดลงเอง

 

 

3 ถึงจะทำงานไม่เก่ง แต่ขอให้พยายามทำงานให้เต็มที่ก็เพียงพอแล้ว
    บ่อยครั้งที่เราได้รับมอบหมายงานที่ไม่เก่งและไม่ถนัด ก็ให้คิดสะว่าเป็นการฝึกตัวเอง ทำงานที่ได้รับมอบหมายให้เต็มที่สะก่อน  ผิดพลาดอะไรยังไงก็ยังสามารถแก้ไขได้ ถ้าหากทำออกมาแล้วดีก็ถือว่าดีไปจะได้พัฒนาในส่วนที่ไม่ถนัด อย่าเคร่งเครียดที่ทำงานบางประเภทไม่เก่ง เพราะเราจะได้พัฒนาในส่วนที่ขาดไป จำไว้ว่าการพยายามทำอะไรสักอย่าง อย่างตั้งใจมากๆ ต้องเกิดผลดีมากกว่าการที่ไม่ทำอะไรเลย

 

 

4 หากถูกมองว่าไม่ดีหรือแย่หรือยังไงก็ตาม หากเราไม่ได้เป็นแบบนั้นก็อย่าได้สนใจ
    การที่ถูกมองว่าไม่ดีหรือแย่นั้น อาจเกิดขึ้นจากความเข้าใจผิดของอีกฝ่ายก็ได้ไม่ใช่ความผิดของเราเสมอไป ให้เราลองอธิบายว่าในสิ่งที่ถูกมองว่าไม่ดีนั้นเป็นการเข้าใจผิดไม่ใช่แบบที่ถูกมองว่าไม่ดี หลังจากนั้นก็ค่อยอธิบายว่าเราเป็นแบบนี้ ไม่ได้เป็นแบบที่พูดมาเลย จะทำให้ทั้งสองฝ่ายเข้าใจกันได้มากขึ้น 

 

 

5.การให้เกียรติงานคือการที่ทำมันด้วยความทุ่มเท ถึงจะไม่ชอบงานก็เถอะ 
    ถึงเราที่นั่งบ่นว่างานไม่สนุก ทำงานแล้วเหนื่อย เปลี่ยนเป็นการทำงานทุกงานก็มียากมีง่ายสลับกันไป หากไม่มีงานที่มันยากชีวิตจะไปสนุกอะไร หากเรามีแต่งานที่มันง่ายๆ มันก็คงน่าเบื่อน่าดู ให้เราลองนึกว่าการที่ทำงานอยู่ทุกวัน คือการนั่งรถไฟเหาะที่มีเส้นทางทั้งหวาดเสียว น่ากลัว และมีเส้นทางที่สนุก ตื่นเต้น การทำงานก็เหมือนกันที่มีทั้งยากและง่าย สลับกันไปในทุกๆวัน

 

 

หากลองมองว่าทุกปัญหามีทางออก จะทำให้คุณผู้อ่านทุกท่านสบายใจขึ้นไม่มากก็น้อย หวังว่าคุณผู้อ่านทุกท่าน คงสนุกกับบทความที่นำเสนอไป แล้วลองไปปรับใช้ในการทำงานอย่างที่ตั้งใจไว้นะ

 

 

ขอบคุณข้อมูลจาก : roojingpa.com

---พิเศษ!!! สำหรับผู้ที่กำลังมองหางานใหม่ หางาน ขอนแก่น และหางานทั่วประเทศ หรือบริษัทที่มองหาพนักงาน วันนี้ bestjoth.com พร้อมแล้วที่จะช่วยทุกคนตามหาสิ่งที่ใช่ ไม่ว่าจะหางาน สมัครงาน รับสมัครงาน เพียงไปที่เว็บไซต์ของเราและลงทะเบียน!---