2021-10-18 13:30:36 Am

ทำไมเวลาเครียดต้องกิน

หากการกินช่วยให้คุณผ่อนคลายความเครียด ก็ให้รู้ไว้เลยว่าไม่ใช่แค่คุณที่เป็นแบบนี้ การกินเพื่อเติมเต็มความต้องการทางอารมณ์ ลดความวิตกกังวล และขจัดความเครียดมักเป็นเรื่องที่ใครๆ ก็ทำกัน

 

การกินตามอารมณ์ หรือการกินเมื่อเครียดเป็นการใช้อาหารต่อสู้เพื่อช่วยให้คุณรู้สึกดีขึ้น โดยทั่วไปแล้ว มันไม่เกี่ยวอะไรกับความหิว หากคุณกำลังใช้อาหารเพื่อจัดการกับความเครียด คุณอาจสงสัยว่า ทำไมเวลาเครียดต้องกิน? คุณจะหยุดกินแก้เครียดได้อย่างไร จะทำอย่างไรเพื่อลดความเครียดแทนการกิน?

 

ทำไมเวลาเครียดต้องกิน

เมื่อคุณกินเพื่อสนองความต้องการทางอารมณ์ ความโล่งใจที่เกิดขึ้นมักจะเกิดขึ้นชั่วคราว จากมุมมองทางสรีรวิทยา ความเครียดทำให้ต่อมหมวกไตหลั่งฮอร์โมนที่เรียกว่าคอร์ติซอล คุณจะอยากอาหารมากขึ้น และอยากทานอาหารที่มีแต่น้ำตาล รสเค็ม และไขมัน

 

อย่างไรก็ตาม ความอยากอาหารนี้ไม่ได้เกิดตอนท้องว่าง แต่สมองกำลังบอกให้คุณกินเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับสถานการณ์อันตราย เมื่อคุณได้กินตามใจปากแล้ว ความเครียดก็จะลดลงและระดับคอร์ติซอลก็จะกลับสู่สภาวะปกติ

 

ความเครียดและการจัดการความเครียดไม่ถูกวิธี จะนำไปสู่การเกิดคอร์ติซอลในระดับสูง นำไปสู่การกินที่มากเกินไป การศึกษาในปี พ.ศ. 2544 กับผู้หญิงที่มีสุขภาพดี 59 คน พบว่าความเครียดอาจส่งผลต่อพฤติกรรมการกินและนำไปสู่การเพิ่มขึ้นของน้ำหนัก

 

การกินแก้เครียดมีผลต่ออารมณ์

หากคุณกำลังโศกเศร้าจากสาเหตุอะไรก็แล้วแต่ คุณอาจหันไปหาขนม มันฝรั่งทอดหนึ่งถุง หรือลูกกวาดเพื่อทำให้อารมณ์ดีขึ้นแทนที่จะจัดการกับต้นเหตุของปัญหา

 

การกินแก้เครียดสามารถเกิดขึ้นได้ เพื่อตอบสนองต่อสภาพแวดล้อมที่คุณเผชิญ เช่น ในช่วงการระบาดของ COVID-19 สมาคมจิตวิทยาอเมริกัน (APA) ระบุว่า ชาวอเมริกันเกือบ 8 ใน 10 คน รู้สึกว่าการระบาดใหญ่ของโคโรนาไวรัสเป็นสาเหตุสำคัญของความเครียด และชาวอเมริกัน 7 ใน 10 คน บอกว่าระดับความเครียดสูงขึ้นตั้งแต่เริ่มระบาด

 

วิธีหยุดกินแก้เครียด

การเลิกกินแก้เครียดอาจดูเหมือนเป็นงานที่ยาก นั่นเป็นเหตุผลที่เราควรจัดการกับพฤติกรรมของตัวเองเป็นอันดับแรก ต่อไปนี้คือ 3 วิธีหยุดการกินแก้เครียด

 

1. สำรวจความเครียดของตัวเอง

เริ่มต้นด้วยการเช็คตัวเองก่อนที่คุณจะหยิบขนมเข้าปาก ให้ถามตัวเองว่าคุณกำลังกินเพราะคุณหิวหรือตอบสนองต่อสิ่งอื่น ทุกครั้งที่เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ ให้ถามตัวเองทุกครั้งและจดบันทึกไว้ วิธีนี้จะช่วยให้คุณทราบได้ว่าสถานการณ์ใดที่ทำให้เกิดความเครียดจนนำไปสู่การกินแก้เครียด

 

2. นำอาหารออกจากครัว

หลังจากระบุปัจจัยที่ทำให้เกิดความเครียดได้แล้ว ขั้นตอนต่อไปคือการกำจัดอาหารออกจากห้องครัว โดยเฉพาะอาหารที่มีน้ำตาลสูง ผ่านกระบวนการแปรรูป หรือมีไขมันสูง ที่สำคัญควรกำจัดอาหารและของว่างที่คุณเอื้อมถึงออกจากโต๊ะทำงาน รถยนต์ และกระเป๋าด้วย จากนั้นแทนที่ด้วยอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการ

 

3. แทนที่การกินด้วยกิจกรรมอื่นๆ

บางทีก็เป็นการยากที่จะหลีกเลี่ยงการกินแก้เครียด โดยเฉพาะตอนที่เครียดมากๆ และมีของกินอยู่ใกล้ๆ ดังนั้นคุณก็ต้องหาวิธีอื่น ต่อไปนี้คือแนวทางบางประการที่คุณควรลองทำตาม

 

- ออกไปเดินผ่อนคลายอารมณ์ 10 - 15 นาที

- ฝึกการหายใจโดยใช้กะบังลม 3 - 5 นาที

- ดื่มน้ำที่ผสมกับผลไม้ที่คุณชอบเพื่อเพิ่มรสชาติ 1 แก้ว 

- โทรหรือ FaceTime หาเพื่อนหรือสมาชิกในครอบครัว

- จดบันทึก

- เล่นโยคะ 2-3 ท่า เช่น ท่ายืนก้มหน้า ท่าผีเสื้อ ท่าสามเหลี่ยม หรือท่ายกขาขึ้น

- หยิบสมุดวาดภาพและดินสอสีที่คุณชอบ แล้วละเลงตามอารมณ์ 

- ฟังเสียงของตัวเองจากการทำสมาธิ

- อ่านหนังสือ 1-2 บท หรือเล่นไขปริศนาอักษรไขว้ 

- ใช้มือไปกับงานอดิเรก เช่น ถักนิตติ้ง วาดรูป หรือบีบลูกบอลคลายเครียด

 

การลดความเครียดแทนการกิน

วิธีแก้ปัญหาในระยะยาวอาจเป็นการป้องกันหรือลดความเครียดให้น้อยที่สุด ต่อไปนี้คือแนวทางบางประการในการลดความเครียด

 

1. ขยับร่างกาย

ไม่ว่าคุณจะออกไปวิ่งหรือเล่นโยคะก็ตาม การเคลื่อนไหวร่างกายผ่านกิจกรรมต่างๆ เป็นหนึ่งในวิธีที่ดีที่สุดในการลดความเครียด การออกกำลังกายไม่เพียงแต่ช่วยให้ร่างกายรู้สึกสดชื่นกระปรี้กระเปร่าขึ้น แต่ยังทำให้จิตใจสงบอีกด้วย จากข้อมูลของ American Heart Association พบว่าการออกกำลังกายสามารถช่วยลดความดันโลหิต โรคหัวใจ ความอ้วน ปวดหัวเรื้อรัง และปัญหาการนอนหลับ 

 

2. ฝึกสมาธิ

การฝึกสมาธิทุกวันจะช่วยให้ผ่อนคลาย สามารถช่วยป้องกันความเครียดได้ก่อนที่จะเกิดขึ้น โดยการเริ่มต้นแบบค่อยเป็นค่อยไป คุณอาจใช้เวลา 15 นาทีในแต่ละวัน แล้วเพิ่มขึ้นอีก 5 นาที จนกว่าคุณจะฝึกสมาธิได้ถึง 30 นาที หรือมากกว่านั้นหากคุณต้องการ

 

3. มองหากำลังใจจากคนรอบตัว

เพื่อน ครอบครัว เพื่อนร่วมงาน และแหล่งกำลังใจทางสังคมอื่นๆ สามารถช่วยคุณจากความเครียดได้ หากคุณไม่สะดวกออกไปพบเป็นการส่วนตัว ก็อาจจะโทรหา หรือ FaceTime ก็ได้เช่นกัน ขอแนะนำว่าควรจัดสรรเวลาสำหรับเครือข่ายทางสังคมของคุณ เช่น การไปออกเดท ไปสังสรรค์กับเพื่อน ไปเยี่ยมครอบครัว เป็นต้น

 

4. ขอความช่วยเหลือ

หากพบว่าระดับความเครียดของคุณเพิ่มมากขึ้น อาจถึงเวลาที่ต้องขอความช่วยเหลือจากผู้เชี่ยวชาญ โดยนัดหมายเพื่อพูดคุยกับแพทย์ พวกเขาสามารถช่วยคุณสร้างแผนการจัดการความเครียดได้

 

5. เมื่อต้องกินแก้เครียด

การหันไปกินเมื่อเครียดเป็นเรื่องปกติมาก อย่างไรก็ตาม ควรตระหนักว่าความรู้สึกดีที่เกิดขึ้นมักจะเกิดขึ้นชั่วคราวเท่านั้น ในความเป็นจริง การกินตามอารมณ์อาจส่งผลต่อน้ำหนักและสุขภาพของคุณ

 

เราเข้าใจดีว่าการหลีกเลี่ยงความเครียดเลยนั้นเป็นไปไม่ได้ นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมจึงต้องหาวิธีที่ดีในการจัดการกับความเครียด หากการปรับพฤติกรรมไม่ได้ช่วยบรรเทาความเครียด ให้ลองพูดคุยกับแพทย์ จะเป็นทางออกที่ดีที่สุด

 

 

 

---พิเศษ!!! สำหรับผู้ที่กำลังมองหางานใหม่ หรือบริษัทที่มองหาพนักงาน วันนี้ bestjoth.com พร้อมแล้วที่จะช่วยทุกคนตามหาสิ่งที่ใช่ ไม่ว่าจะหางาน สมัครงาน รับสมัครงาน งานในประเทศ งานต่างประเทศ เพียงไปที่เว็บไซต์ของเราและลงทะเบียน!---

 

 

 

 

 

 

 

 

อ้างอิง: Why Do I Eat When I’m Stressed? (healthline.com)